รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
“การทำสมาธิ: การอธิษฐาน ที่เพ่งมากขึ้นอีกเล็กน้อย”“เราจะพูดถึงการทำสมาธิ การทำสมาธิ ถึงพระเจ้า แน่นอน บางคนเรียกว่าการสวดมนต์ บางคนเรียกมันว่าการเพ่งพิจารณา บางคนเรียกว่าเป็นการเข้าไปข้างใน บางคนเรียกว่า การเชื่อมโยงตัวคุณกับพระเจ้า แต่การทำสมาธิเป็นสิ่งที่จำเป็น หากปราศจากการทำสมาธิ ชีวิตของเราจะไม่สมบูรณ์ ไม่มีความสุข และไม่สมหวังดังที่เราต้องการ บางคนบอกว่า พวกเขาจะไปโบสถ์และสวดมนต์ ที่บ้าน และนั่นก็น่าจะ โอเคแล้ว ดังนั้นทำไมเราถึงต้องพูดถึง การทำสมาธิด้วย การทำสมาธิก็ถือเป็นการอธิษฐาน รูปแบบหนึ่ง เพียงแต่มีความแม่นยำ มากกว่าเล็กน้อย เกี่ยวกับว่า เราควรมุ่งความสนใจไปที่จุดใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ปรารถนา นั่นหมายความว่า การที่เราจะสื่อสาร กับพระเจ้าได้โดยตรง เราก็ต้องรู้จัก วิธีการอธิษฐานด้วยการมุ่งเป้าหมาย ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเล็กน้อย“เมื่อคุณพบกุญแจ ที่ถูกต้อง”เราคิดว่าการติดต่อกับพระเจ้า เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ เป็นสิ่งที่เกินความดีความชอบของเรา เป็นสิ่งที่พิเศษ เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ มีเพียงนักบุญในอดีตเท่านั้น ที่สามารถทำได้ มีเพียงพระพุทธเจ้า มีเพียงพระเยซู มีเพียงนักบุญปีเตอร์ นักบุญโทมัส ฯลฯ ไม่ ไม่ ไม่ใช่! เราทุกคนสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ เพราะเราทุกคนเป็น บุตรของพระองค์เท่าเทียมกัน ใช่แล้ว เราทุกคนเท่าเทียมกัน คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อฉัน หยิบพระคัมภีร์ออกมา แล้วอ่าน เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า ดังมีกล่าวไว้ในนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้เหมือนกันว่า เราทุกคนมีธรรมชาติของพุทธะ และทุกคน สามารถเป็นพุทธะได้ พระองค์ไม่เคยตรัสว่า พระองค์เป็นผู้เดียวและไม่มีใครอื่น สามารถเป็นพุทธะได้ พระเยซูยังตรัสอีกว่า สิ่งใดก็ตามที่เราทำได้ คุณก็ทำได้ดีกว่า คุณเองก็ทำได้เช่นกันอาจารย์ในอดีตทุกคน บอกเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า และเราสามารถพบพระเจ้าได้เช่นกัน หากเราต้องการ แน่นอนว่าพวกเราบางคนอยากติดต่อ และบางคนก็ไม่อยาก และนั่นก็เป็นอีกคำถามหนึ่ง ผู้ใดต้องการพบพระเจ้า ก็จะพบพระองค์ เพราะเรามีมันแล้ว เพียงแต่ลืมว่า จะหามันได้จากที่ไหน เหมือนกับว่าคุณลืมว่า มีของบางอย่างอยู่ในกระเป๋า และคุณวิ่งไปทั่วและถามว่า "แว่นตาของฉันอยู่ไหน?" “แว่นตาของฉันอยู่ไหน?”ดังนั้น ในที่สุด เมื่อคุณพบกุญแจที่ถูกต้อง วิธีการที่ถูกต้อง วิถีทางที่ถูกต้อง พระเจ้าก็จะทรงปรากฏพระองค์“จงใช้พลังที่สมบูรณ์ของเรา”เราประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ มากมาย และลองคิดดูว่า หากคุณทำสมาธิ และใช้สมองมากขึ้น แน่นอนว่า คุณก็จะฉลาดขึ้น! คนทั่วไปใช้สมอง เพียงประมาณ สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นคือข้อเท็จจริงที่เราทุกคน รู้กันดีอยู่แล้ว มันได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แล้วเราเอาอีก 80 หรือ 90เปอร์เซ็นต์ ไปไว้ที่ไหน? มันเสียเปล่า และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม เราจึงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เรารู้สึกไม่สมบูรณ์แบบ เรารู้สึกหงุดหงิดและอ่อนแอ เพราะเรายังไม่ ได้ใช้พลังทั้งหมดของเรา ดังนั้น การทำสมาธิ เราสามารถ อธิบายได้อีกอย่างหนึ่งว่า คือการใช้พลังที่สมบูรณ์ของเรา การทำสมาธินั้นมีไว้เพื่อสิ่งนั้น การรู้จักพระเจ้า ก็คือการรู้จักตนเองอย่างครบถ้วน และเมื่อเรารู้จักตัวเอง อย่างสมบูรณ์ เราก็รู้จักพระเจ้าด้วย“ทำไมวิธีการนี้จึงไม่ได้ ถูกกล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิล?”ในช่วงการประทับจิต จะไม่มี การพูดคุย มีเพียงความเงียบเท่านั้น และมีพลังเงียบ ที่จะลงมาจากพระเจ้า และช่วยคุณเปิดเผย พลังของตัวคุณเอง พระองค์แค่ใช้ฉัน เป็น “เสา” ไฟฟ้าเพื่อส่งผ่าน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป คุณจะได้สื่อสาร กับพระเจ้าโดยตรง และมันไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนภายหลัง และก่อน และหลังคุณตาย ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ! การสอนของฉันฟรีทั้งหมด คุณไม่มีเงื่อนไขใด ๆ หรือต้องทำอะไรเพื่อฉันเลย เพียงนั่งสมาธิทุกวัน เพื่อตัวคุณเองที่บ้านของคุณ [...] สิ่งที่เรียกว่าวิธีดังกล่าวนี้ ที่เราจะเล่าให้ฟังนั้น ไม่ใช่วิธีการ มันเพียงบอกคุณว่า ต้องนั่งอย่างไรให้สบาย จะต้องตั้งสมาธิที่ไหน เพื่อให้เห็นพระเจ้าได้ชัดเจนขึ้น ควรนั่งสมาธิเวลาใด เมื่อจิตใจสงบลง และควรนั่งสมาธิวันละกี่ชั่วโมง จึงจะดีที่สุด นั่นคือทั้งหมดจริง ๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่วิธีการ มันเป็นเพียงคำแนะนำ ให้คุณนั่งสบายขึ้น และรู้ว่าควรนั่งอย่างไร มิฉะนั้น วิธีการนี้ไม่มีเสียง วิธีไม่ถูกจดบันทึก และไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ ดังนั้นคุณจึงไม่พบสิ่งนี้ ในไบเบิ้ลหรือพระคัมภีร์ใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นของศาสนาพุทธ คริสต์ มุสลิม ซิกข์ หรือเชน ไม่มีอะไร พวกเขาพูดถึงพระเจ้า แต่พวกเขาไม่ได้บอกคุณว่า จะพบพระเจ้าได้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่สามารถบอกได้สิ่งนี้จะต้องถ่ายทอด ผ่าน “เสา” ที่มีชีวิต ตั้งแต่สมัยโบราณ ก็เป็นเช่นนี้ ทำไมพระองค์ถึงเลือก “เสา” ต้นหนึ่ง แต่ไม่เลือกอีกต้นหนึ่ง อย่าถามฉัน! พระองค์ทำสิ่งที่พระองค์ต้องการ แต่เราทุกคนอาจกลายเป็น “เสา” ได้ในภายหลัง หากเรารู้จักตัวเอง อย่างถ่องแท้ อาจมีวันหนึ่ง พระเจ้าจะบอกว่า "คุณ คุณ" และแม้ว่าคุณไม่อยากจะเป็น “เสา” ที่มีชีวิต คุณก็ไม่สามารถหลบหนีได้ หากอยู่ในโชคชะตาของคุณ พระ ประสงค์ของพระเจ้าก็จะสำเร็จเสมอ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราจะ ไม่มีเจตจำนงของเราเองอีกต่อไป เราไม่มีอัตตาที่จะต่อต้าน หรือพูดคำว่าใช่หรือไม่ กับสิ่งที่ พระเจ้าประสงค์ให้เราทำอีกต่อไป เราจะพูดว่าใช่เสมอ การมีการถ่ายทอดที่มีชีวิต เป็นสิ่งจำเป็น นั่นคือทั้งหมด แล้วคุณจะเป็นอาจารย์ของตัวเอง และคุณไม่ เป็นหนี้อะไรฉัน ไม่ว่าอะไรก็ตาม!”
