รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ในแต่ละระดับ จะมี พระเจ้าผู้ควบคุมมัน ไม่ใช่ควบคุม แต่เป็นผู้ปกครองและช่วยเหลือ สิ่งมีชีวิตในอาณาเขตของพวกเขา หลังจากโลกทิพย์แล้ว เราจะมีระดับเหตุปัจจัย ซึ่งหมายถึง “เหตุและผล” และมีบันทึกนภา อยู่ในนั้น ดังนั้นคุณ จึงสามารถตรวจสอบ ชีวิตของทุกคนได้ตั้งแต่เกิด จนตาย และแม้กระทั่งอนาคต – เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุการณ์ใดขึ้น พวกเขาจะบันทึกไว้ที่นั่น ตอนนี้ เรามีอีกระดับหนึ่ง เหนือระดับเหตุปัจจัยนั้น เรียกว่า พรหม ฉะนั้น ท่านเป็นพระเจ้าใน ดินแดนระดับที่สามของท่าน แต่ ท่าน ยังเป็นพระเจ้าในระดับที่สูงกว่า ทั้งสามระดับด้วยเช่นกัน คือ ระดับโลกทิพย์ ระดับเหตุและผล และระดับพรหม และท่านมีทรงพลังมาก อย่างแน่นอนในสามระดับนี้ ผู้คนจะ มีความสุขมากขึ้น มีพลังมากขึ้นกว่าระดับที่ เราอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็คือระดับโลกนั่นเอง และเหนือไปกว่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ คุณไปถึงระดับใดระดับหนึ่งเหล่านี้ คุณจะเชื่อว่า นั่นคือทั้งหมดที่มี ไม่มีอะไรจะดี ไปกว่านี้อีกแล้ว ในความเป็นจริงแม้แต่ผู้คน ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ก็ยังเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าโลกนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต่อสู้กัน เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ความร่ำรวย ชีวิตที่สบายยิ่งขึ้น และมีชื่อเสียงมากขึ้น เพราะเขาไม่รู้ ว่ายังมีระดับอื่น ที่ดีกว่า ระดับโลกนี้มากนัก แต่จากโลกนี้ ไปถึงระดับที่สาม – ไม่มีผู้คนมากมายนักที่สามารถ ไปถึงระดับที่สามได้ แต่ถ้าพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาจะพูดว่า "โอ้ นี่คือพระเจ้า นี่คือสวรรค์ชั้นสูงสุด นี่คือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ” และเหนือขึ้นไปนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่า มีระดับที่สูงกว่า ระดับพรหมนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นชาวฮินดูจำนวนมาก จึงบูชาพระพรหม และ กลายเป็นพราหมณ์ แปลว่า ผู้ศรัทธาในพระพรหม และพวกเขาก็บูชาพระพรหมเพราะสมัยนั้น อาจจะครู คุรุ ที่สั่งสอนคนใน ตอนแรก – เพราะ สมัยก่อนคุณไม่ได้พบ อาจารย์หลายคนนัก หรือไม่มีอาจารย์เลย ดังนั้นใครก็ตามที่มี และเพราะการประชาสัมพันธ์ – พวกเขาล้วนติดตาม อาจารย์คนนี้ที่ บรรลุระดับพรหมและ กลายเป็นพรหมิน จึงได้รับความนิยมมาก ในสมัยนั้น และสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อคุณไปถึงระดับพรหมแล้ว คุณจะมีพลังมากมาย และนอกจากนั้นยังมีพลังวิเศษ ความรู้ที่กว้างขวางเกี่ยวกับ ทุกสิ่ง แม้กระทั่งยา และการเดินทางด้วยแสง – การเดินทางไปยังโลกต่าง ๆ ด้วยร่างแสงเพียงร่างเดียว เพราะอำนาจนี้ทำให้ผู้คนมี ความศรัทธาต่อพระพรหมมากขึ้น เชื่อมั่นในอาจารย์คนนั้นมาก เราจึงมีพรหมแล้ว โดยรวมต่อมาเรียก ว่าศาสนาฮินดู และ เรียกพระพรหมแต่พวกเขาไม่รู้ ตั้งแต่โลกนี้ไปจนถึง ระดับพรหม ว่าแม้จะยิ่งใหญ่เพียงไร ก็เป็นเขตที่ถูกทำลายล้างได้ นั่นก็หมายความว่า เขตใด ๆ ในระหว่างนั้น ขึ้นไปจนถึงระดับพรหม มันก็ไม่คงอยู่ตลอดไป มันถูกสร้างจากวัตถุ เพื่อระยะหนึ่งชั่วคราว แต่คำว่าชั่วคราวหมายความถึง ตลอดไปเช่นกัน - นานแสนนาน นานแสนนาน อนันตกาล เพราะเหตุนี้เราจึงยังอยู่ที่นี่ ต่อสู้กัน เพื่อชื่อเสียงและผลกำไร แต่โชคดีแล้ว สำหรับบางคนที่รู้จักเรื่อง ระดับพรหมหรือแม้กระทั่ง โลกแห่งเหตุปัจจัย เพราะในแต่ละดินแดนเหล่านี้ มีเทพเจ้าคอยดูแล ดังนั้นเมื่อพวกเขารู้ว่า พระเจ้าองค์นั้นผู้อวยพรพวกเขา และช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาก็จะบูชาพระเจ้าองค์นั้นระดับโลกทิพย์ คุณอยู่ได้ไม่นาน แต่ มีโลกที่อยู่เหนือระดับโลกทิพย์ ระหว่างระดับโลกทิพย์และ ระดับเหตุปัจจัย และ ระหว่างโลกเหตุปัจจัยกับ โลกพรหม ก็ยังมีโลก ที่อยู่ระหว่างกลาง ระดับระหว่างกลางอีกด้วย และอาจารย์บางท่านก็ ไม่สามารถนำศิษย์ขึ้นไปสู่ระดับ ของตนได้ ไม่ว่าท่านจะ มีความรู้สูงสุดเพียงใดก็ตาม ดังนั้นพวกท่านจึงสร้างสวรรค์ บางอย่างขึ้นมาในระหว่างระดับชั้น เช่น เหนือระดับโลกทิพย์ เหนือระดับเหตุปัจจัย และเหนือระดับพรหม ฉันได้สร้างโดเมนขึ้นมา สำหรับผู้คนต่าง ๆ เช่นกัน แม้กระทั่งสำหรับปีศาจ ที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและดี และต้องการฝึกฝนและ รู้จักพระเจ้าเพื่อแลกเปลี่ยน แทนที่จะเป็นปีศาจและ ทำร้ายผู้คนบนโลก พวกเขากลับแลกเปลี่ยนและ เข้าสู่โดเมนดังกล่าว ซึ่งพวกเขาปลอดภัย และ มีทุกสิ่งที่ต้องการ และถ้าพวกเขาต้องการ พวกเขาก็บำเพ็ญต่อไปได้แต่บางคนก็ไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับ ที่สูงขึ้นได้เพราะสถานะของพวกเขา เช่นว่าพวกเขาไม่มีวิญญาณมนุษย์ อาจารย์ก็ไม่สามารถ พาพวกเขาขึ้นไปสูงได้อีก แต่สร้างสถานที่ให้พวกเขา ให้พักสงบ เป็นสุขได้ สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยปรมาจารย์ผู้รู้แจ้ง ระหว่างโลกต่าง ๆ ระหว่าง ระดับต่าง ๆ และเป็นสิ่งถาวร พวกมันไม่ใช่ทางกายภาพอยู่แล้ว และมันถาวร ความถาวรใน ความไม่ถาวร มันค่อนข้างเป็นนามธรรม และอาจไม่ง่ายที่จะเข้าใจ แต่ฉันเพียงแต่ จะอธิบายให้คุณทราบว่า เหตุใดชื่อของพระเจ้าจึงต่างกัน นอกเหนือจากการมีคำศัพท์ ที่ต่างกัน เพราะภาษาที่ต่างกันมีอาจารย์บางท่านที่ไปถึง เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น และดังนั้นเหล่าเทพเจ้าที่นั่น เราจึงมอบชื่อและตำแหน่ง ให้แก่พวกเขาเช่นนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาดี มีเมตตา ดีงาม มีคุณธรรม และเชื่อฟังกฎจักรวาล เคารพบูชาพระเจ้า พวกเขาก็จะไม่เป็นอะไรเช่นกัน และบางทีวันหนึ่งพวกเขา จะได้พบกับอาจารย์ ผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แล้วพวกท่านก็จะพาพวกเขา ขึ้นไปได้สูงขึ้น ๆ เพราะอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แท้จริง ทรงสอนอยู่ทุกแห่งทุกแห่ง ทุกที่ที่มีการร้องขอมา เขาหรือเธอ จะมาสอนพวกเขา ฉะนั้นอย่าคิดว่าเมื่ออาจารย์ หลังจากรู้แจ้ง กลับไปบ้านพระบิดา แล้วไม่ทำอะไรเลย มันไม่ใช่แบบนั้น แต่มันไม่สำคัญอาจารย์ไม่ได้ยุ่งมากนักเนื่องจาก ท่านสามารถสร้างร่างกายพิเศษ ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ แม้กระทั่งร่างกายภาพพิเศษที่ สามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ มากมายได้ และร่างกายพิเศษนั้นก็ สามารถเป็นอะไรก็ได้ อาจจะเป็นประธานาธิบดี อาจจะเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นรัฐมนตรี อาจจะเป็นกษัตริย์หรือราชินีก็ได้ด้วย เนื่องจากอาจารย์ไม่สามารถ ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายได้ใน ทางกายภาพหรือในร่างทิพย์ อาจารย์ที่แท้จริงจึงสามารถมี ร่างกายอยู่ที่นั่นได้เช่นกัน แต่ตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่รู้แจ้งแล้ว หลังนิพพาน หลังจากเสด็จกลับมา ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียง ร่างเดียวเท่านั้น มันสามารถสำแดง เป็นร่างต่าง ๆ เพื่อสอนผู้คน ในระดับต่าง ๆ นั่นเป็นสิทธิพิเศษที่เฉพาะ สำหรับอาจารย์ผู้รู้แจ้งสูงสุด อาจารย์ผู้รู้แจ้งสมบูรณ์ หรือพระบุตรของพระเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ว่าอาจารย์ทุกคนจะมีความสามารถนี้แต่อาจารย์หลายท่าน กลับไปยังบ้านของพวกท่าน เช่น ระดับที่ห้า เหนือระดับที่สาม ยังมีระดับอื่นอีก และระหว่างระดับที่สามและ ระดับที่สี่ อาจารย์บางท่าน ยังสร้างโลกบางแห่งขึ้น ที่นั่นสำหรับผู้พิเศษ ผู้ศรัทธาของพวกท่าน หรือเพื่อ ช่วยเหลือคนที่เชื่อในพวกท่าน และต้องการให้พวกท่านปลดปล่อย พวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้เห็นพวกท่าน และไม่สามารถเรียนรู้กับพวกท่าน เป็นการส่วนตัวได้ แต่ถ้าพวกเขาเชื่อในพวกท่าน พวกท่านก็จะพาพวกเขาไปที่นั่นเช่นกัน ระดับเหล่านี้มีอยู่จริง และถาวร ไม่เหมือนกับระดับ ที่มีอยู่แล้วหรือ ระดับทางกายภาพ อย่างที่นี่ศาสนาบางศาสนา เช่น ศาสนาเชน ไม่ได้กล่าวถึงพระเจ้า หรืออาจไม่กล่าวถึงพระเจ้ามากนัก เพราะว่าศาสนาเหล่านั้น เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอยู่แล้ว ดังที่พระเยซูตรัสว่า “ฉันและ พระบิดาของฉันเป็นหนึ่งเดียวกัน” "ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาผ่านทางฉัน" ฉะนั้นถ้าคุณบูชาอาจารย์ท่านนั้น เช่น พระมหาวีระ ก็หมายความว่าคุณบูชาพระเจ้า เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า พระองค์ก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพแล้ว พระองค์ทรงตระหนักรู้ถึงธรรมชาติ พุทธะของพระองค์เองแล้ว ซึ่งคือธรรมชาติของพระเจ้าภายใน ดังนั้นแม้ว่าคุณบูชา พระพุทธเจ้า คุณก็บูชาพระเจ้า เพราะนั่นคือ การสำแดงของพระเจ้า แม้ว่าพระองค์จะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ พระองค์ก็ทรงตระหนักถึงสิ่งสัมบูรณ์แล้ว โอ้ เราพูดคุยกันไปได้ไม่จบ แต่ฉันหวังว่านี่เป็นพื้นฐานเพียงพอ ที่จะทำให้คุณพอใจเกี่ยวกับเรื่อง "มีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า"ตอนนี้ คนส่วนใหญ่ เมื่อพวกเขามีอาจารย์ที่รู้แจ้ง ที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็ เคารพบูชาท่านเป็นพระเจ้าด้วย พวกเขาเรียกพวกท่านว่า “พระเจ้า” ส่วนใหญ่พวกเขาเรียกพวกท่านว่า อาจารย์ด้วย แต่พวกเขายัง เรียกพวกท่านว่า “พระเจ้าของฉัน” ด้วยเช่นกัน เพราะ พวกเขาเปรียบอาจารย์กับพระเจ้า เพราะอาจารย์มีคุณสมบัติแห่ง ความเมตตากรุณาทั้งหมดของพระเจ้า ตามความเชื่อของพวกเขาว่า พระเจ้าคืออะไร บางคนก็ เป็นพระเจ้าที่ประจักษ์ชัด หรือบางคนก็เป็นหนึ่งเดียว กับพระเจ้าแล้ว ดังนั้น หากคุณมีอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่ และอาจารย์ คนนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว คุณสามารถบูชาอาจารย์คนนั้น หรือบูชาพระเจ้า โดยผ่านทางอาจารย์ได้ มันก็ไม่แตกต่างกันมากตอนนี้ สำหรับคุณ คุณทุกคนชาวคริสต์ โปรดอย่าแบ่งแยก ระหว่างศาสนาของคุณ กับศาสนาพุทธหรือ ศาสนายิ่งใหญ่อื่น ๆ เป็นเพียงแค่พระพุทธเจ้าทรงเป็น นักเทศน์สันติภาพเท่านั้น ท่านไม่เคยสนับสนุนความรุนแรง และนั่นคือสิ่งที่ฉันชอบ เช่นเดียวกันกับศาสนาคริสต์ แต่ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม หรือศาสนาอื่น ๆ อีกหลายศาสนาในเวลาต่อมา กลับใช้คำสอนของพระคริสต์ อย่างไม่ถูกต้อง และก่อความวุ่นวาย และการนองเลือดมากมายในโลกนี้ นั่นต้องไม่เป็นเช่นนั้น นั่นไม่ควรได้รับอนุญาต จากอาจารย์ใด ๆPhoto Caption: ความยากลำบากคือชัยชนะของความอดทน!
